ตร.สรุปเหตุหน้า ม.รามฯ พบรุนแรง 19 ครั้ง - มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน




วันที่ 7 ธ.ค. พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 แถลงสรุปสถานการณ์เหตุความรุนแรงที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อช่วงวันที่ 30 พ.ย. ต่อเนื่องวันที่ 1 ธ.ค. มีการเกิดเหตุรุนแรง ทั้งหมด 19 ครั้ง

พล.ต.ต.นัยวัฒน์ สรุปเหตุการณ์ว่า ในช่วงสายวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. และต่อมาได้มีกลุ่มนักศึกษาชุมนุมหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อยื่นหนังสือ ตำรวจจึงต้องจัดกำลังให้ผู้ชุมนุมและนักศึกษาอยู่ห่างกันคนละฝั่ง นปช.สามารถเข้าได้เพียงด้านหลังเพื่อป้องกันการเผชิญหน้า ต่อมาเกิดเหตุรถแท็กซี่ผ่านเข้ามาในบริเวณหน้ามหาวิทยาลัย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าปิดล้อมแท็กซี่และปิดถนนรามคำแหง ต่อมามีรถโดยสารประจำทางของ ขสมก.วิ่งมา ผู้ชุมนุมก็เข้าปิดล้อมเช่นกัน

กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. เกิดการเผชิญหน้าและปะทะ กระทั่งมีเหตุยิงกัน ทำให้ นายทวีศักดิ์ โพธิ์แก้ว นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เสียชีวิต ที่บริเวณซอย 24 โดยถูกยิงเข้าที่หน้าอก และยิงมาในแนวระนาบ ตำรวจจึงพยายามนำกำลังเข้าไปควบคุมสถานการณ์ แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากถูกต่อต้านหลายจุด และมีรถตำรวจถูกทุบทำลายเสียหาย เวลา 02.00 น. พลทหารธนะสิทธิ์ เวียงคำ ถูกยิงเสียชีวิตภายในซอยรามคำแหง 24

หลังจากนั้น นายวิโรจน์ เข็มนาค ผู้ชุมนุม นปช. ถูกยิงที่บริเวณหน้าประตู 1 โซนเอ็น ในสนามราชมังคลากีฬาสถาน และนายวิษณุ เภาพู่ ผู้ชุมนุม นปช.อีกคน ถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณหน้าประตู 1 เชิงสะพานลอยคนข้าม ต่อมาเช้าวันที่ 1 ธ.ค. ระหว่างตำรวจนำกำลังเข้าดำเนินการช่วยเหลือนักศึกษาและผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ ก็เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันอยู่ กระทั่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้าทุบทำลายและเผารถบัสที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้า กกท. ทำให้ นายสุรเดช คำแปงใจ เสียชีวิตอยู่ในรถ

ด้าน พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ10) สรุปว่า จากเหตุการณ์ 2 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐาน พบปลอกกระสุน จำนวน 34 ปลอก จากอาวุธปืน 7 ชนิด อาทิ .35 , .38 , 9 มม. , .22 และ .32

นอกจากนี้ ยังพบหัวกระสุน จำนวน 12 หัว และลูกกระสุนอีกจำนวนมาก รวมทั้งยังพบอาวุธปืนในการ์ดของกลุ่ม นปช.ด้วย โดยเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุต่อไป และจะมีการตั้งข้อหาร่วมกันวางเพลิง ฆ่า และทำให้เสียทรัพย์ ส่วนผู้เสียชีวิตรายที่ 5 คือ นายสุรเดช คำแปงใจ พบว่าเป็นเยาวชนอยู่ย่านเอกมัย ในวันเกิดเหตุได้เดินทางมาทำธุระส่วนตัวกับเพื่อนที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งไม่ใช่ผู้ชุมนุมของกลุ่มใด และไม่ได้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ได้รับการชักชวนจากกลุ่มผู้ชุมนุมให้ร่วมเป็นการ์ดอาสา จากนั้นก็ขึ้นไปบนรถทัวร์คันที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งหลังจากเพลิงไหม้ก็ไม่สามารถหนีออกมาได้ทัน จึงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจพิสูจน์โครงกระดูกที่พบบนรถทัวร์ ผลการตรวจดีเอ็นเอของผู้เสียชีวิต ตรงกับ นางนฤมล คำพยัคฆ์ ที่เข้าแจ้งความว่าโครงกระดูกดังกล่าวเป็นของ นายสุรเดช คำแปงใจ อายุ 19 ปี บุตรชาย โดยเหตุการณ์มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันทั้งหมด ที่เกิดขึ้นพยานหลักฐานตามลำดับเหตุการณ์ เชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีจุดประสงค์ให้เกิดความรุนแรง

ทั้งนี้ ผลการผ่าชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตทั้งหมด พบว่า
1.นายทวีศักดิ์ โพธิ์แก้ว นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ถูกยิงด้วยอาวุธปืน .45 เข้าที่หน้าอก ในแนวระนาบ ไม่เกี่ยวกับกระแสข่าวที่ว่ามีการซุ่มยิงจากมุมสูง
2.พลทหารธนะสิทธิ์ เวียงคำ ถูกยิงเข้าศีรษะทะลุหมวกนิรภัย วิถีกระสุนยิงมาในแนวระนาบ ขนาด .22 และพบปลอกในที่เกิดหตุ ประตู 8 

3.นายวิโรจน์ เข็มนาค ผู้ชุมนุม นปช. ถูกยิงวิถีมุมกด ด้านหน้าโซน เอ็น สนามกีฬาฯ
4.นายวิษณุ เภาพู่ ผู้ชุมนุม นปช. ถูกยิงตอนเช้าวันที่ 1 ธ.ค. กระสุนเข้าที่หน้าอก วิถีกระสุนแนวราบ เหตุเกิดที่บริเวณหน้าเชิงสะพานลอยคนข้าม หน้า ม.รามฯ และ
5.นายสุรเดช คำแปงใจ เสียชีวิตในรถทัวร์คันที่เกิดเพลิงไหม้


ที่มา ข่าวสด